Warning: "continue" targeting switch is equivalent to "break". Did you mean to use "continue 2"? in /home2/mybaacor/public_html/templates/sumter_blue/functions.php on line 185

บทความ"กาลเวลาเเห่งชีวิต" (Time of life)

+++วันเวลาผ่านไป..แป๊บเดียวก็กลางพรรษาแล้ว สายฝนชุ่มฉ่ำ ต้นไม้เขียวขจี บางวันก็ร้อนจัด ซึ่งก็เป็นปกติสำหรับฤดูกาล และสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน ยิ่งช่วงนี้สหรัฐฯเป็นหน้าร้อนซะด้วย จะอย่างไรก็ตาม ทุกชีวิต มีจุดหมายปลายทาง คือเริ่มต้นที่เกิด ต่อมาแก่ เจ็บ และตาย มันเป็นกฎธรรมชาติที่สอนเราให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างหมุนเวียนไปตามกาลเวลา ดังนั้นจึงต้องเรียนรู้กฎธรรมชาติ เข้าใจมันว่า ทุกสิ่งมีเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด มันเตือนให้เราไม่ประมาทในชีวิต ควรประกอบคุณงามความดีไว้ ก่อนที่จะสายเกินไป


แม้ในทางพระพุทธศาสนา จะกำหนดวัยแห่งชีวิตออกเป็น 3 ช่วง คือ
-ปฐมวัย คือวัยแรก วัยรุ่ง เป็นรุ่งอรุณของชีวิต
-มัชฌิมวัย คือวัยกลางคน มีคู่รัก มีครอบครัว มีตำแหน่งหน้าที่การงาน
-ปัจฉิมวัย คือวัยสุดท้าย แก่เฒ่าชรา และตายเป็นที่สุด

ช่วงวัยเเละกาลเวลาดูเหมือนมันโหดร้าย ขุนเราเอาไว้ฆ่า เลี้ยงให้เราโต และสุดท้ายฆ่าให้เราตาย
เราเคยได้ยินได้ฟังปริศนาปัญหาธรรมข้อนี้ว่า "พญายักษ์ตนหนึ่ง มีหน้า 3 หน้า, มีตา 2 ข้าง ข้างหนึ่งสว่าง ข้างหนึ่งริบหรี่, มีปาก 12 ปาก มีฟันไม่มากปากละ 30 ซี่, กินสัตว์ทั่วปฐพี พญายักษ์ตนนี้คืออะไร" เราพอจะทายได้ไหมว่า พญายักษ์ตนนี้คืออะไร ?
คำตอบก็คือ "กาลเวลา" พญายักษ์มีหน้า 3 หน้า ก็คือปีหนึ่งมี 3 ฤดู หรือ 3 หน้า ได้แก่หน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาว, มีดวงตา 2 ข้าง ข้างหนึ่งสว่าง ข้างหนึ่งริบหรี่ คือมีกลางวันกับกลางคืน กลางวันก็สว่าง กลางคืนก็ริบหรี่, มีปาก 12 ปาก คือปีหนึ่งมี 12 เดือน, มีฟันไม่มากปากละ 30 ซี่ เดือนหนึ่งมี ประมาณ 30 วัน, กินสัตว์ทั่วปฐพี ก็คือทุกชีวิตที่เกิดบนโลกใบนี้ ล้วนถูกกาลเวลาฆ่าให้ตาย

พระพุทธเจ้า เคยตรัสเรื่องเวลากับพญายักษ์ไว้บทหนึ่งว่า "กาโล ฆะสะติ ภูตานิ สัพพาเนวะ สหัตตนา" แปลว่า กาลเวลา คือ พญายักษ์ มันกลืนกินสรรพสัตว์ทั้งหลายกับทั้งตัวมันเอง
ความจริง วัน เดือน ปี นั้นเป็นเรื่องของกาลเวลา ซึ่งผ่านไปตามธรรมชาติ หมุนเวียนกันไปอย่างไม่หยุดยั้ง วันคืนเดือนปีไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ว่าคนชาติใดก็เหมือนกัน เหตุที่เปรียบเทียบกาลเวลาเหมือนพญายักษ์นั้น เพราะว่า เวลา เป็นสิ่งเดียวที่ธรรมชาติให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายมาเท่ากันทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ทุกคนใช้เวลาไปไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าจะประมาท หรือเห็นคุณค่าของกาลเวลาที่ธรรมชาติให้มาเท่ากันทุกคนหรือไม่ ? ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสไว้มากมายเกี่ยวกับเรื่องกาลเวลา เช่น
ขโณ โว มา อุปัจจคา อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์
อัจเจนติ กาลา ตะระยันติ รัตติโย วะโยคุณา อะนุปุพพัง ชะหันติ กาลเวลาย่อมล่วงไป ราตรีย่อมผ่านไป ช่วงเวลาแห่งวัยก็ละลำดับไป

 

หัวข้อธรรมเหล่านี้พระพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนมนุษย์ทั้งหลายว่า อย่าใช้ชีวิต ที่ธรรมชาติให้มาโดยเปล่าประโยชน์ หาสาระแก่นสารไม่ได้ ทุกคนจงเร่งสร้างประโยชน์ คณงามความดีให้แก่โลก ทั้งประโยชน์ตน และประโยชน์ส่วนรวมของสังคม ดีกว่าปล่อยให้พญายักษ์ผู้มีอำนาจมากกว่าเทพเจ้าองค์ใดในโลก ซึ่งกำลังกัดกลืนกินชีวิตเราอยู่ทุกวัน ให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังคำที่กล่าวว่า"ความดีทำได้ทุกโอกาส แต่ความประมาทก็ทำให้พลาด จากความดี" แม้กาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่าก็ตาม...

แต่ขอให้เข้าใจง่ายๆคือ กาลเวลาแห่งชีวิต จะสอนให้จดจำ..กาลเวลาแห่งธรรม จะสอนให้ปล่อยว่าง.....!!!