วาเลนไทน์ วาเรนทร์ธรรม
ว๊าว..เเละเเล้ว 14 กุมภาพันธ์ หรือวันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) ก็เเวะเวียนมาถึงอีกเเล้ว ใครที่มีความรัก ก็คงชุ่มฉ่ำหัวใจน่าดู แต่ถ้าใครที่ยังโสดสนิทไม่ต้องเสียใจไป เพราะความรัก ไม่จำเป็นต้องแสดงออกกับคู่รักเท่านั้น กับเพื่อนๆครอบครัว ก็สามารถบอกรัก ได้เหมือนๆกัน เอาเป็นว่าวันวาเลนไทน์นี้ เป็นวันเเห่งความรัก อันที่จริงความรักเป็นสิ่งที่ดีงามเสมอ ขอให้มีเมตตาความรักใคร่ปรารถนาดีต่อกัน รักเป็นก็มีสุข รักไม่เป็นก็เป็นทุกข์ เราจะเลือกเอาเเบบไหน
จริงหรือไม่ "ความรักทำให้คนตาบอด" ซึ่งคงจะเป็นจริง เพราะเป็นความรักที่อิงอาศัยความใคร่ หรือความเสน่หา มันทำให้ใจลุ่มหลง จนไม่รู้จักถูกหรือผิด ใจสั่งมาแบบไหน ก็ทำอย่างนั้น พูดง่ายๆ คือทำตามใจสั่ง หรือตามอำเภอใจ ซึ่งเจือปนด้วยกิเลสตัณหา เรื่องชิงรักหักสวาทมีให้เห็นทั่วไป เมื่อไม่สมหวังในความรัก ผิดหวัง ชอกช้ำ ระกำใจ ก็ฆ่าตัวเองบ้าง ฆ่าคู่รักบ้าง ฆ่าคนอื่นบ้าง ใครจะนิยามความรักแบบไหน สุดแท้แต่คนจะนิยาม บางคนนิยามว่า ความรักคือการให้ บางคนอาจจะว่าความรักคือความสุข ฯลฯ ความรักบางครั้ง...ก็ทำให้คนเราเข้มแข็ง...แต่บางครั้ง...ก็ทำให้คนเราอ่อนแอ ท้อถอย หมดหวัง หมดกำลังใจ
อันที่จริงแล้ว ความรักแบบคู่สร้างคู่สม หรือเนื้อคู่กัน มันต้องมีเหตุมีปัจจัยของมัน ความรักเกิดมาจากเหตุใดบ้าง ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า
"ความรักนั้น ย่อมเกิดด้วยเหตุ 2 ประการ อย่างนี้ คือ ด้วยความอยู่ร่วมกันในกาลก่อน 1 ด้วยการเกื้อกูลกันในกาลปัจจุบัน 1 เหมือนอุบล (อาศัยเปือกตมและน้ำ) เกิดในน้ำฉะนั้น."
ความรักของใครจะเกิดจากเหตุใดเหตุหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างก็ตาม ถ้าเราจะรักกันให้มีความสุข ควรจะรักแบบบริสุทธิ์ใจมากกว่า คือคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ถ้ารักแบบจะเอาให้ได้ เพื่อครอบครองอย่างเดียว เมื่อไม่ได้แล้ว มันจะเป็นทุกข์ โศกเศร้า เสียใจ สมดังพุทธพจน์ว่า "ความโศกเกิดแต่ความรัก ภัยคือความกลัวเกิดแต่ความรัก ความโศกย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นวิเศษแล้วจากความรัก ความกลัวจักมีแต่ที่ไหน" และอีกคำว่า "ที่ไหนมีรัก...ที่นั้นมีทุกข์"
จริงอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ทุกประการ เมื่อมีรัก สักพักก็ต้องพลัดพลาดจากคนรักไป ทนกล้ำกลืน ฝืนทน ร้องห่มร้องให้จากคนที่รัก รักมากก็มากน้ำตา รักมากก็มากทุกข์ นี่แหละหนอ ความรักบางคราวคือยาพิษ การที่จะลืมคนที่เรารัก อาจยากเย็นเกินทำใจ แต่การเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ยากเย็นยิ่งกว่า...แต่ต้องทำ จะอย่างไรก็ตาม ชีวิตฆราวาสผู้ครองเรือน ก็หนีไม่พ้นการมีคู่ครอง ดังนั้นจึงต้องมีหลักธรรม สำหรับคู่ครองให้อยู่ร่วมกันอย่างยืนยาว
..จากวาเลนไทน์ สู่วาเรนทร์ธรรม
ทำอย่างไร ให้รักยืนยาว?
ความรักจะยั่งยืน ยืนยาวได้นั้น ต้องอาศัยหลักธรรมสำหรับการเลือกคู่ชีวิต (สมชีวิธรรม)คือมีศรัทธาสมกัน, มีศีลสมกัน, มีจาคะสมกัน, มีปัญญาสมกัน และต้องมีหลักฆราวาสธรรมอีกด้วย พูดง่ายๆ คือต้องมีหลักธรรมสำหรับครองเรือน ครองรักค้ำไว้ 4 หลัก จึงจะให้ชีวิตคู่มีความสุข และมีความเจริญก้าวหน้า
- สัจจะ ได้แก่ ความจริงใจ ซื่อสัตย์ ซื่อตรง พูดจริง ทำจริงทั้งต่อหน้าและลับหลัง การมีสัจจะต่อกัน จะสร้างรักให้ยืนยาว
- ทมะ ได้แก่ การฝึกฝนอบรมใจ ข่มใจ การปรับปรุงแก้ไข ปรับตัวให้เข้ากัน
- ขันติ ได้แก่ ความอดทน ความขยันหมั่นเพียร บากบั่นทนต่อความยากลำบาก
- จาคะ ได้แก่ การเสียสละ การละความสุขสบาย การสละประโยชน์ส่วนตัว เพื่อคนหมู่มาก พร้อมทั้งต้องเป็นคนใจกว้าง ยอมรับฟังเหตุผลของผู้อื่น
การดำเนินชีวิตตามหลักธรรมที่กล่าวมานี้ ถ้าทำได้อย่างนี้ ชีวิตคู่จึงจะยืนยาว รักกันจนแก่เฒ่า ดังคำโบราณว่า "ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร"
รักบริสุทธิ์คือรักแบบไหน?
สายใยรักของพ่อเเม่ คือความรักบริสุทธิ์ที่ไม่ต้องไขว่คว้า เราเคยได้ยินเพลงอิ่มอุ่นเริ่มต้นว่า "อุ่นใดๆ โลกนี้ไม่มีเทียบเทียม อุ่นอกอ้อมเเขน อ้อมอกเเม่ตระกรอง รักเจ้าจึงปลูก รักลูกเเม่ย่อมห่วงใย ไม่อยากจากไปไกล เเม้เพียงครึ่งวัน" เป็นต้น ยังคงตราตรึงในหัวใจตลอดมา แม้เนื้อเพลงจะเกี่ยวกับความรักของแม่ที่มีต่อลูก แต่พ่อก็มีพระคุณเช่นกัน คือรักลูกเหมือนกัน อยากให้ลูกได้ดี ปรารถนาดีต่อลูก
เราต้องรักเเม่ให้มาก เรามีเเม่ได้คนเดียว จะไปหาที่ไหนไม่ได้อีกเเล้ว เเม้มีเงินทองมากมายเป็นมหาเศรษฐีก็ไม่สามารถหาซื้อเเม่ได้ เพราะเรามีเเม่ได้คนเดียว จึงต้องเทคเเคร์ดูเเลเเม่เป็นอย่างดี เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่จะสายเกินไป...
เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นลูกที่ดี กตัญญูกตเวทีต่อผู้ให้กำเนิด ลูกจะมีหลายคน เเม่คนเดียวก็เลี้ยงได้ เเต่จะมีลูกสักกี่คนที่ขันอาสาเลี้ยงเเม่บ้าง การที่จะตอบเเทนบุญคุณของท่านให้หมดเป็นเรื่องที่ยากเเสนยาก
เเต่ในทางพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสบอกเเนวทางการทดเเทนบุญคุณหรือการมอบความรักที่บริสุทธิ์ต่อพ่อเเม่ไว้อย่างนี้ คือ
- ...ถ้าท่านยังไม่มีศรัทธา ก็พยายามทำให้ท่านมีศรัทธาให้ได้
- ...ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ ก็พยายามชักนำท่านให้ยินดีในการให้
- ...ถ้าท่านยังไม่มีศีล ก็พยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้
- ...ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ก็พยายามชักนำให้ท่านทำสมาธิภาวนาให้ได้
ความรักของพ่อเเม่ คือรักเเท้ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยพรหมวิหารธรรม (เมตตา กรุณา มุทิต อุเบกขา) วันเเล้ววันเล่า คืนเเล้วคืนเล่า พ่อเเม่ก็ยังห่วงใยเรา นี่เเหละคือสายใยรักของผู้ให้กำเนิด เป็นความรักที่บริสุทธิ์
จะอย่างไรก็ตาม วันวาเลนไทน์นี้ ขอให้ทุกท่านโชคดีในความรัก..เเละเปลี่ยนความรักจากวาเลนไทน์สู่วาเรนทร์ธรรมด้วย นะครับ
(ด้วยความปรารถนาดีจาก..ภูน้อย คอยรัก..อิอิ)